เก่ง ดี และมีความสุขด้วย EQ

ใครๆ ก็อยากให้ลูกมีความเฉลียวฉลาด แต่ฉลาดอย่างเดียวไม่พอ ต้องสอนให้เขารู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองด้วย เพื่อให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ เพราะหากลูกเป็นเด็กฉลาดแต่ขี้โมโห หรือฉลาดแต่ไม่มีน้ำใจ ก็คงไม่มีเพื่อนคนไหนอยากคบด้วยจริงไหมล่ะคะ

Emotional Quotient (EQ) หมายถึงความฉลาดทางอารมณ์ หรือการควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดีนั่นเองค่ะ เด็กที่มี EQ ดี จะมีอารมณ์แจ่มใส ไม่หงุดหงิดง่าย ถึงไม่พอใจ ก็ไม่แสดงออกไปในทางก้าวร้าว หรือลงไปนอนดิ้นกับพื้น เขาจะมีความรู้สึกโอนอ่อนผ่อนตาม เห็นใจผู้อื่น และไม่ยึดติดกับความคิดเห็นของตนเองเพียงฝ่ายเดียวค่ะ

แนวทางการส่งเสริมให้ลูกมี EQ ที่ดี

  1. เปิดเพลงให้ลูกฟัง :

เราจะเปิดเพลงให้ลูกฟังตั้งแต่ตั้งครรภ์เลยก็ได้นะคะ เพื่อให้ลูกรู้สึกสงบ และเป็นสุข

  1. อ่านหนังสือ :

ช่วงเวลาการอ่านหนังสือกับคุณพ่อ คุณแม่นั้น เป็นช่วงเวลาที่แสนสุข เพราะบางครั้งคุณพ่อไป

ทำงานจนกลับดึก กว่าจะได้เจอลูกน้อยก็ช่วงเย็นหรือก่อนนอนแล้ว ดังนั้น จึงเป็นช่วงที่เด็กๆรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และมั่นคงเวลาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา

  1. สอนเรื่องเหตุ และผล :

เมื่อเล่านิทานกับลูกแล้ว อาจถามลูกว่า ถ้าหนูเป็นกระต่ายในเรื่อง หากมีเหตุการณ์เช่นนี้

หนูจะทำอย่างไร เพราะอะไร เป็นการฝึกพูด และให้ลูกถ่ายทอดสิ่งที่คิดออกมาในตัวค่ะ

  1. เรียนรู้จากการเล่น :

การเล่น หยิบจับ ขว้าง-ปา ของเล่นต่างๆ ช่วยให้ระบบประสาทสัมผัส สายตา และกล้ามเนื้อ

แข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ กิจกรรมทางศิลปะยังช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย มีสมาธิ จดต่อต่อสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น

  1. เสริมแรงด้วยกำลังใจ:

ใครๆก็ต้องการคำชมกันทั้งนั้น แต่ก็ต้องชมให้รู้จังหวะ ไม่ใช่ว่าลูกยังทำไม่เสร็จเลย เราก็รีบชม

เสียแล้ว อย่างนี้ลูกก็อาจคิดว่า ไม่ต้องทำจนเสร็จก็ได้ หรือหากทานข้าวเองได้แล้ว แต่ยังทำข้าวหกอยู่

ก็อย่าเพิ่งดุ แต่ควรให้กำลังใจว่า อีกนิดเดียวจะทำได้แล้ว เขาจะได้มีแรงใจและพยายามมากขึ้นค่ะ

  1. ลดความรุนแรงในบ้าน :

หากคนในบ้านมีอารมณ์รุนแรง เกรี้ยวกราด ชอบทะเลาะกันเสียงดัง ลูกก็ย่อมเป็นไปตาม

สภาพแวดล้อม แต่หากเรามีความรักใคร่กัน หรือไม่ทะเลาะกันต่อหน้าลูก ก็จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกนั่นเอง

  1. พาลูกออกไปเล่นกับเพื่อนๆ :

หากมีของชิ้นเดียว ให้สลับกันเล่นในเวลาที่เท่าๆกัน เพื่อที่ลูกจะได้รู้จักการอดทน รอคอย

นอกจากนี้หากมีการเล่นกันลูกยังได้เรียนรู้เรื่องการแพ้ – ชนะ และให้อภัยกันอีกด้วย

  1. ใส่ใจความรู้สึกของลูก :

อย่าเพิ่งเบื่อ หากลูกจะขอให้เราเล่านิทานเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ เพราะนั่นเป็นโอกาสดีที่ลูกรัก

การอ่าน หรืออย่าเบื่อการตอบคำถาม หากลูกชักซัก ช่างถามเหลือเกิน คิดว่าช่วงเวลาที่เราจะอยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้มีน้อย ควรตอบคำถามเขา หรือหากยังตอบไม่ได้ในทันที อาจช่วยกันหาพร้อมๆกันก็ได้ แต่ถ้าลูกถามแต่คำถามเดิมบ่อยๆ เราอาจจะลองถามเขากลับไปบ้างก็ได้ ว่าถ้าหากเป็นลูก คิดว่าเป็นเช่นไร

  1. ลองให้ลูกแก้ปัญหาด้วยตนเอง :

แม้ลูกจะร้องขอ หรือแสดงอาการฮึดฮัดว่าไม่พอใจที่ทำไม่ได้ แต่เราอาจลองพูดเชิงให้กำลังใจว่า

ให้เขาลองทำเองก่อนก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ เราค่อยเข้าไปช่วย วิธีนี้จะช่วยให้ลูกอดทน คิดแก้ไขปัญหา และมีความพยายามที่จะทำงานให้สำเร็จมากยิ่งขึ้น

 

การสร้างความฉลาดทางอารมณ์นั้น ทำได้ง่ายๆ ตั้งแต่ที่บ้านเลยใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้น เรามาปลูกฝังให้ลูกได้ดีเพราะ EQ กันเถอะค่ะ

เก่ง ดี และมีความสุขด้วย IQ

คุณพ่อ คุณแม่หลายๆ ท่าน อาจจะเคยได้ยินว่า การเลี้ยงลูกสมัยนี้นั้น ต้อง “เก่ง ดี และมีความสุข”  กันมาบ้างแล้ว แต่เราอาจจะยังไม่เข้าใจว่า แค่ IQ อย่างเดียวไม่พออีกหรือ จริงอยู่ว่า ความฉลาดนั้นสำคัญ แต่หากลูกมีความฉลาดเพียงอย่างเดียว ไม่ได้รับการปลูกฝังคุณธรรม หรือถูกบังคับให้เรียนมากเกินไป เขาอาจจะไม่มีความสุข หงุดหงิดง่าย หรือนำความฉลาดนั้นไปใช้ในทางที่เหมาะสมก็ได้เช่นกันนะคะ ดังนั้นเราควรจะปลูกฝังทักษะที่ดีให้ลูกในหลายๆ ด้าน เพื่อที่ลูกจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี และอยู่ร่วมกันสังคมกับคนอื่นๆ ได้อย่างมีความสุข ซึ่งในบทความนี้เราจะพูดถึง IQ กันก่อน

Intelligence Quotient (IQ) หมายถึง ความฉลาดทางปัญญา การที่ลูกจะมีสติปัญญาดี มีความพร้อมรับการเรียนรู้สิ่งต่างๆนั้นประกอบด้วยพันธุกรรม และสิ่งแวดล้อมภายนอก ได้แก่

  1. น้ำนมแม่ :

ในน้ำนมแม่นั้น มีสารอาหารนานาประโยชน์ เช่น ทอรีน ซึ่งช่วยในการมองเห็นและบำรุงสมอง มีภูมิคุ้มกันช่วยย่อยสลายเชื้อโรค และมีวิตามินต่างๆ ช่วยให้ร่างกายลูกรักเจริญเติบโตได้ดี  ซึ่งคุณแม่เองก็ควรจะทานอาหารที่ช่วยบำรุงน้ำนม อาทิเช่น แกงเลียงหัวปลี ยำหัวปลี ไก่ผัดขิง กุยช่ายผัดตับ นอกจากนี้คุณแม่ควรจะทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ด้วย และปรุงสุก สะอาด

  1. ฉีดวัคซีน :

ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนให้ครบตามที่ตารางกำหนด เพื่อให้ลูกมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย

  1. การเล่น

การเล่นนั้นนอกจากจะให้ความสนุก และความเพลิดเพลินแล้ว ยังก่อให้เกิดการเรียนรู้อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกับคุณพ่อ คุณแม่ ของเล่นเสริมพัฒนาการ การเล่นกับเพื่อนๆ หรือการออกแบบการเล่นด้วยตนเอง

  1. การพักผ่อน

เด็กบางคนตื่นง่าย แต่นอนน้อย กว่าจะพาหลับได้ยากเหลือเกิน ก็ต้องเข้าใจก่อนว่า ปัญหา การนอนยากของลูกนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิ เช่น ความรู้สึกไม่สบายตัว อากาศร้อน หรือใส่ผ้าอ้อมนานเกินไป / หิว / หรือป่วย ก็ค่อยๆดูไปทีละอย่างเพื่อจะได้แก้ไขให้ตรงจุด และทำให้ลูกหลับได้สนิทมากยิ่งขึ้น

  1. การทานอาหารที่มีประโยชน์

ควรให้ลูกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผัก หากฝึกให้ลูกทานผักได้ตั้งแต่เล็ก ลูกก็จะมีร่างกายแข็งแรง สดชื่น เจริญเติบโตสมวัย และไม่ท้องผูก

  1. การอ่านหนังสือ/นิทาน

การอ่านนั้น นอกจากจะช่วยพัฒนาการทางการภาษา ทั้งด้านการพูด / อ่าน / เขียน ลูกให้ดีขึ้นแล้ว ลูกยังมีคลังคำศัพท์ในหัวมากขึ้น เมื่อไปเรียนก็จดจำได้และนำออกมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว

  1. ความสะอาด

ความสะอาดกับเด็กเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น เวลาจะการปรุงอาหารให้ลูก ควรปรุงให้สุกและสะอาด ทำความสะอาดของใช้ เครื่องนอน และของเล่นลูกเป็นประจำ เพื่อสุขอนามัยที่ดี ปราศจากเชื้อโรค

  1. ศิลปะต่างๆ

การใช้ดินสอสี/สีเทียนแท่งใหญ่ๆ ระบายสีนั้น จะช่วยให้กล้ามเนื้อมือ และข้อมือค่อยๆดีขึ้น นอกจากนี้การทำงานประดิษฐ์หรืองานฝีมือต่างๆ จะช่วยให้ลูกมีสมาธิ และมีจิตจดจ่อมากยิ่งขึ้น

9.สมาธิ

จะช่วยให้ลูกเรียงลำดับการทำงานได้ดี ว่าควรทำอะไรก่อน – หลัง  หรือ อันไหนควรและไม่ควรทำ เช่น ไม่หยิบของของเพื่อนเป็นของตนเอง เป็นต้น การมีสมาธิที่ดีจะช่วยให้ลูกเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเสริมสร้าง IQ ให้ลูกนั้นทำได้หลายวิธี เราก็ลองปรับใช้ให้เหมาะสม แต่อย่ากดดันลูกมากเกินไปจนกลายเป็นความเครียด เพราะเขาก็ยังเป็นเด็กคนหนึ่งเท่านั้นเอง และเมื่อเขามีความสุข สุขภาพกาย และใจดีแล้ว เขาก็พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในโลกกว้างต่อไปค่ะ